ในโลกที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้แทรกซึมเข้าสู่แทบทุกภาคส่วนของชีวิตประจำวัน รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายและความปลอดภัยสาธารณะ บริษัทสตาร์ทอัพ AI อย่าง Flock Safety กำลังสร้างปรากฏการณ์ด้วยวิสัยทัศน์อันทะเยอทะยานที่จะ "ขจัดอาชญากรรมทั้งหมดในอเมริกา" ด้วยเครือข่ายกล้องและโดรนที่ขับเคลื่อนด้วย AI อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้ได้ก่อให้เกิดการถกเถียงอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับประโยชน์ที่จับต้องได้และข้อกังวลที่อาจเกิดขึ้นกับเสรีภาพของพลเมือง
ประโยชน์และผลดีที่คาดว่าจะได้รับ
Flock Safety ได้กลายเป็นเครื่องมือเฝ้าระวังที่หน่วยงานตำรวจหลายแห่งให้ความไว้วางใจ
โดยมีเครือข่ายกล้องที่ขับเคลื่อนด้วย AI มากกว่า
80,000 ตัวทั่วสหรัฐอเมริกา
และมีมูลค่าธุรกิจสูงถึง 7.5 พันล้านดอลลาร์
CEO ของ Flock Safety, Garrett
Langley ประมาณการว่ากล้องของบริษัทช่วยแก้ไขคดีอาชญากรรมได้ถึง
1 ล้านคดีต่อปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีนี้มีส่วนสำคัญในการจับกุมกลุ่มโจรขโมยตู้เอทีเอ็มที่ก่อเหตุทั่วชายฝั่งตะวันออก
โดยติดตามรถที่ใช้หลบหนี นอกจากนี้
ยังสามารถระบุตัวบุคคลติดอาวุธที่กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ย่านบาร์ที่มีผู้คนพลุกพล่านผ่านรอยสักที่คอจากภาพโดรน
ทำให้สามารถเข้าจับกุมได้ก่อนที่จะเกิดอันตราย และช่วยสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้กับชุมชนในช่วงกิจกรรมสำคัญ
เช่น ขบวนพาเหรดวันชาติ
นอกเหนือจากการป้องกันและแก้ไขอาชญากรรมแล้ว
Flock Safety ยังมุ่งหวังที่จะนำข้อมูลที่รวบรวมได้ไปใช้เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตในเมือง
โดย Langley มองเห็นถึงประโยชน์ในการจัดการจราจร
การเร่งดำเนินการซ่อมแซมถนน และการสร้างเมืองที่ดีขึ้นโดยรวม เช่น
การใช้ข้อมูลจากกล้องเพื่อระบุตำแหน่งหลุมบ่อโดยไม่ต้องส่งคนออกไปตรวจสอบ เทคโนโลยีของ Flock
ยังขยายไปสู่การพัฒนาเครื่องมือขั้นสูง
เช่น Nova ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงบันทึกของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเข้ากับข้อมูลสาธารณะทุกประเภท
ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทรัพย์สิน ข้อมูลประชากร หมายเลขประกันสังคม
และประวัติเครดิตส่วนบุคคล โดยทำให้สามารถค้นหาข้อมูลได้อย่างละเอียดด้วย AI
เครื่องมือนี้ได้รับคำชื่นชมอย่างสูงจากผู้บังคับใช้กฎหมาย
โดยถูกอธิบายว่าเป็น "หนึ่งในเครื่องมือที่น่าทึ่งที่สุด" ที่เคยเห็นมา
Flock Safety ยังให้บริการลูกค้าองค์กรกว่า
1,000 ราย
รวมถึงบริษัทใหญ่อย่าง FedEx, Lowe's และ Simon
Property ไปจนถึงสมาคมเจ้าของบ้าน
ธุรกิจขนาดเล็ก โรงเรียน และองค์กรต่างๆ
ซึ่งหลายแห่งเลือกที่จะให้ตำรวจเข้าถึงฟีดกล้องเพื่อขยายขอบเขตการเฝ้าระวัง
ผลเสียและข้อควรพิจารณา
แม้จะมีประโยชน์มหาศาล
แต่การขยายตัวอย่างรวดเร็วของ Flock Safety ก็เผชิญกับการต่อต้านอย่างหนัก
โดยเฉพาะจากผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัวที่มองว่าบริษัทกำลังสร้าง
"สังคมเฝ้าระวังหมู่ที่หาได้ยากยิ่ง" (unprecedented
mass-surveillance dystopia) กลุ่มนักกิจกรรมอย่าง
DeFlock ได้วิพากษ์วิจารณ์ว่าการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องเป็นการกระทำที่
"ผิดหลักการของรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่สี่"
เนื่องจากมีการค้นหาข้อมูลตลอดเวลา และยังกล่าวหา Langley ว่าต้องการ
"นำทั้งประเทศมาอยู่ภายใต้การเฝ้าระวังในขณะที่เขาทำกำไร" นอกจากนี้
เครื่องมือ Nova ที่เชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมาก
ก็ถูกมองว่าเป็นการ "หลบเลี่ยงกฎหมายความเป็นส่วนตัวและรัฐธรรมนูญ" ความกังวลที่สำคัญคือการสร้าง
"ระบบเฝ้าระวังที่คุณจะไม่มีวันรู้ว่าคุณกำลังถูกติดตาม"
Flock Safety ยังประสบปัญหาด้านกฎระเบียบและกฎหมาย
เช่น
การสอบสวนในรัฐอิลลินอยส์กรณีที่ตำรวจอนุญาตให้หน่วยงานนอกรัฐเข้าถึงฟีดข้อมูลของ Flock
เพื่อตรวจสอบการละเมิดกฎหมายคนเข้าเมืองหรือกฎหมายการทำแท้ง การสืบสวนของ Forbes
ยังพบว่า Flock มักจะติดตั้งอุปกรณ์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตที่ถูกต้อง
ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการละเมิดกฎหมายท้องถิ่นหลายฉบับ ในบางเขตอำนาจศาลได้พยายามสั่งห้ามหรือถอดถอนกล้องของ
Flock ออกไป เช่น
สภาเมืองออสติน รัฐเท็กซัส ที่ไม่ต่อสัญญา และในรัฐมิสซูรี
กรรมการท้องถิ่นถึงกับต้องถอดกล้อง Flock ออกด้วยตนเองหลังจากถูกเพิกเฉยคำขอ
ซึ่งนำไปสู่การถูกตั้งข้อหา
นอกจากประเด็นความเป็นส่วนตัวแล้ว
Flock Safety ยังเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือดจาก
Axon Enterprise ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีตำรวจ
ซึ่งเคยเป็นพันธมิตรกันมาก่อน Axon ยุติข้อตกลงและเปิดตัวกล้องอ่านป้ายทะเบียนของตัวเองที่ราคาถูกกว่า
20% โดยกล่าวหา Flock
ว่าคิดราคาแพงเกินไปและพยายามผูกขาดลูกค้า
บทสรุป
Flock Safety นำเสนอศักยภาพอันยิ่งใหญ่ในการสร้างสังคมที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
ลดอาชญากรรม และแม้กระทั่งปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของเมือง อย่างไรก็ตาม
หนทางสู่เป้าหมายอันสูงส่งนี้เต็มไปด้วยอุปสรรคและความท้าทาย
ทั้งในด้านความเป็นส่วนตัวของพลเมือง ความถูกต้องตามกฎหมาย และการแข่งขันในตลาด การถกเถียงระหว่างความปรารถนาในความปลอดภัยกับสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลยังคงดำเนินต่อไป
และการหาจุดสมดุลที่เหมาะสมระหว่างนวัตกรรมด้านความปลอดภัยและการคุ้มครองสิทธิพลเมืองจะเป็นกุญแจสำคัญในการกำหนดอนาคตของเทคโนโลยีเฝ้าระวังนี้.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น