Meta ได้เปิดตัวนวัตกรรมล่าสุดที่น่าตื่นเต้น นั่นคือแว่นตา Meta Ray-Ban Display และ Neural Band ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญบนเส้นทางสู่แว่นตาความเป็นจริงเสริม (AR) แห่งอนาคต แว่นตานี้มีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 30 กันยายน โดยมีราคา 799 ดอลลาร์ (25,504.08 บาท) สิ่งที่น่าประทับใจตั้งแต่แรกเห็นคือ แว่นตาเหล่านี้ไม่ได้ดูแปลกตาเลยแม้แต่น้อย และยังไม่พบร่องรอยของการแสดงผลที่ซ่อนอยู่ภายในเลนส์ Alex Himel หัวหน้าฝ่ายอุปกรณ์สวมใส่ของ Meta ได้สวมแว่นตาเหล่านี้ ซึ่งมีลักษณะหนากว่า Ray-Ban ทั่วไปเล็กน้อย แต่ยังคงดูมีสไตล์ด้วยกรอบสีน้ำตาลโปร่งแสง นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมที่เป็นสายรัดข้อมือแบบมีร่องผ้า ซึ่งก็ดูไม่โดดเด่นอะไรจนกว่าจะตั้งใจมองหา การเปิดตัวชุดอุปกรณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Meta ในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำ AI มาสู่ข้อมือและดวงตาของผู้ใช้งาน
ระบบใหม่นี้ประกอบด้วยแว่นตา Ray-Ban Display และ Neural Band ซึ่งทำงานร่วมกันเป็นชุด
แว่นตา Meta Ray-Ban Display:
การแสดงผล: จอแสดงผลจะฉายภาพไปยังเลนส์ตาขวาของผู้สวมใส่เท่านั้น เป็นจอสีขนาด 600x600 พิกเซล แม้จะมีขอบเขตการมองเห็นเพียงประมาณ 20 องศา แต่ Meta ระบุว่ามีความหนาแน่นของพิกเซลที่ 42 พิกเซลต่อนิ้ว ซึ่งให้ภาพคมชัดเพียงพอที่จะอ่านข้อความขนาดเล็กบนปกอัลบั้ม Spotify ได้ สิ่งที่น่าทึ่งคือจอแสดงผลนี้ใช้เทคโนโลยีฉายภาพ LCOS (liquid crystal on silicon) ทำให้คลื่นแสง (waveguides) ที่ปกติทำให้แว่น AR มีรอยเปื้อนสีรุ้งนั้นมองไม่เห็น ทำให้ผู้อื่นมองไม่เห็นการแสดงผลบนเลนส์แว่นตาของผู้สวมใส่เลย นอกจากนี้ แว่นตายังมาพร้อมเลนส์เปลี่ยนสี (transition lenses) เป็นค่าเริ่มต้น เพื่อให้การแสดงผลยังคงมองเห็นได้ชัดเจนแม้อยู่กลางแจ้ง
แบตเตอรี่: Meta สัญญาว่าแว่นตาจะมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่แบบผสมผสานได้นานถึง 6 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าน่าประหลาดใจ
การควบคุมเพิ่มเติม: แว่นตายังคงมีทัชแพดด้านข้างและปุ่มจับภาพ รวมถึงรองรับคำสั่งเสียงเช่นเดียวกับแว่นตาอัจฉริยะรุ่นอื่นๆ
Neural Band (สายรัดข้อมือประสาท):
การทำงาน: Neural band นี้เป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจราคา 799 ดอลลาร์ (25,504.08 บาท) และเป็นองค์ประกอบที่น่าสนใจที่สุด มันถูกออกแบบมาให้สวมเหนือกระดูกข้อมือเล็กน้อย โดยมีอิเล็กโทรดอยู่ภายในที่วัดสัญญาณไฟฟ้าจากเซลล์ประสาทสั่งการ แม้จะเป็นการเคลื่อนไหวของมือที่ละเอียดอ่อนมาก Meta ได้ฝึกอบรมอัลกอริทึมของสายรัดข้อมือนี้ให้ตรวจจับการหนีบนิ้วชี้และนิ้วกลาง การหมุนข้อมือ และการปัดนิ้วหัวแม่มือ ในขณะที่การกำมือสามารถใช้เลื่อนขึ้นลงหรือซ้ายขวาได้ การหนีบ การแตะ และการปัดเหล่านี้ทำงานได้จริง แม้ว่ามือจะอยู่นอกสายตา
Haptics: ผู้ใช้จะสัมผัสได้ถึงการสั่นสะเทือนแบบละเอียดอ่อน (haptics) ซึ่งบ่งชี้ว่าได้คลิกอะไรบางอย่างไปแล้ว
การใช้งาน: สามารถใช้ควบคุมระดับเสียงเพลงผ่าน Spotify, ซูมภาพแบบดิจิทัลเพื่อถ่ายรูป และรับสายสนทนาแบบวิดีโอพร้อมแชร์มุมมองจากกล้องของผู้สวมใส่ได้
ศักยภาพในอนาคต: Meta สัญญาว่า Neural Band สามารถพัฒนาไปสู่การใช้งานที่หลากหลายขึ้น เช่น การเขียนข้อความด้วยนิ้วบนขากางเกง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่คาดว่าจะมาในอนาคต นอกจากนี้ เทคโนโลยีอินพุตประสาทนี้ยังมีศักยภาพในการช่วยเหลือผู้ที่มีความบกพร่องทางการเคลื่อนไหวหรือผู้ที่สูญเสียอวัยวะได้อีกด้วย
แบตเตอรี่: สายรัดข้อมือมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ 18 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และทนทานต่อน้ำระดับ IPX7
แอปพลิเคชันและ AI: แอปที่ใช้งานได้ส่วนใหญ่จะอิงตามแพลตฟอร์มของ Meta เช่น WhatsApp และ Messenger Meta AI ยังให้ความช่วยเหลือด้าน AI สำหรับการถอดเสียงแบบสด (live captioning) ซึ่งสามารถแยกเสียงในกลุ่มคนและเน้นบทสนทนาที่ผู้สวมใส่กำลังมองอยู่ได้ รวมถึงการค้นหาข้อมูล และการสร้างรูปภาพแบบป๊อปอาร์ต แว่นตายังมีแผนที่พร้อมระบบนำทางแบบเรียลไทม์ การเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ทำได้ผ่าน Bluetooth 5.3 และ Wi-Fi 6
สรุป: ข้อดีและข้อเสีย ข้อดี:
การออกแบบที่กลมกลืน: แว่นตาดูมีสไตล์และไม่ทำให้ผู้สวมใส่ดูแปลกตา ที่สำคัญคือผู้อื่นไม่สามารถมองเห็นจอแสดงผลที่ฉายอยู่บนเลนส์ได้เลย
นวัตกรรมการโต้ตอบ: Neural Band ถือเป็นนวัตกรรมที่น่าสนใจและเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนทัศน์ใหม่ในการโต้ตอบกับเทคโนโลยี มอบประสบการณ์ที่รู้สึกเหมือน "มายากล" สำหรับการสั่งการด้วยท่าทางอย่างเป็นธรรมชาติ
ฟังก์ชันการทำงานเฉพาะตัว: มีคุณสมบัติที่น่าประทับใจ เช่น การแชร์มุมมองในวิดีโอแชท และโหมดถอดเสียงสดที่สามารถแยกเสียงสนทนาในฝูงชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ศักยภาพในการเข้าถึง: เทคโนโลยีอินพุตประสาทอาจช่วยผู้ที่มีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหวได้
ราคาที่เข้าถึงได้: ด้วยราคา 799 ดอลลาร์ (25,504.08 บาท) ถือเป็นวิธีที่เข้าถึงได้ง่ายอย่างน่าประหลาดใจในการก้าวเข้าสู่โลกอนาคตของเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม
แบตเตอรี่ที่เพียงพอ: แว่นตามีอายุแบตเตอรี่ 6 ชั่วโมงสำหรับการใช้งานแบบผสมผสาน และ Neural Band ใช้งานได้นานถึง 18 ชั่วโมง
ข้อเสีย:
ข้อจำกัดด้านสายตา: แว่นตาเหล่านี้รองรับช่วงค่าสายตาได้เพียง +4.00 ถึง -4.00 ซึ่งจำกัดผู้ใช้จำนวนมาก และอาจไม่เหมาะสำหรับสวมใส่เป็นแว่นตาประจำวันของผู้ที่มีค่าสายตานอกเหนือจากช่วงนี้
ข้อจำกัดของจอแสดงผล: จอแสดงผลปรากฏในตาข้างเดียวเท่านั้น และมีขอบเขตการมองเห็นที่ค่อนข้างเล็ก ทำให้บางครั้งรู้สึกเหมือนเป็นการแสดงผลที่ "ไม่เต็มตา" และอาจทำให้โฟกัสได้ยาก
ความซับซ้อนในการใช้งาน: การจดจำท่าทางของ Neural Band อาจทำให้สับสนได้ และไม่มีการติดตามการเคลื่อนไหวของดวงตา ทำให้การนำทางแอปหรือเมนูต้องใช้ความพยายามมากกว่าอุปกรณ์ AR อื่นๆ
ระบบนิเวศแอปพลิเคชันที่จำกัด: แอปส่วนใหญ่เน้นไปที่แพลตฟอร์มของ Meta ซึ่งหมายถึงการผสานรวมกับแอปพลิเคชันภายนอก เช่น อีเมลหรือ Google Maps ยังมีข้อจำกัด และยังไม่ชัดเจนว่าจะดึงดูดนักพัฒนาให้สร้างแอปได้มากพอหรือไม่
การใช้งานจริงและสิ่งรบกวน: มีข้อสงสัยว่าการใช้งานในโลกจริงจะเป็นอย่างไร จะทำให้รู้สึกเสียสมาธิหรือแปลกแยกหรือไม่ และการต้องใส่อุปกรณ์เพิ่มอีกชิ้นอย่าง Neural Band อาจเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับบางคน
อนาคตที่ยังไม่ชัดเจน: การผสานวิสัยทัศน์ของแว่นตากับโทรศัพท์ที่ผู้คนพกติดตัวอยู่นั้นยังคงเป็นความท้าทายที่ยากลำบาก และวิสัยทัศน์ที่ Meta ตั้งไว้นั้นยังคงอยู่ในระหว่างการพัฒนา
จำกัดการวางจำหน่าย: ปัจจุบันเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีจำหน่ายเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้นจนถึงต้นปี 2026
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น